เมนูหน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

ความแตกต่างของระบบ NTSC - PAL

หลาย ๆ คนที่ใช้พวกเครื่องเล่นเกมส์คอนโซล อย่าง Playstation เป็นต้นเนี่ยเคยสังเกตไหมครับ เกมส์ ก็ดี เครื่องเล่นก็ดี มักจะระบุถึง NTSC กับ PAL 2 ตัวนี้มันคืออะไร ? แล้วความเหมาะสมในการใช้สัญญาณภาพ 2 อย่างนี้ที่ว่า และก็บ้านเราใช้ระบบนี้ เพราะอะไร เหตุอะไร

NTSC หรือย่อมาจาก The National Television System Committee มีมาตั้งแต่ปี 2483 เป็นระบบสัญญาณภาพระบบแรกของโลก โดย FCC เป็นผู้กำหนดมาตราฐานสัญญาณภาพนี้ คุณสมบัติของ NTSC นั้นจะมีจำนวนเส้น 525 เส้น ส่วนจำนวนภาพต่อวินาที มีถึง 30 ภาพต่อวินาที ส่วนประเทศที่เหมาะกับระบบสัญญาณภาพนี้คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น พม่า สังเกตดี ๆ ครับ เครื่องเล่นเกมส์พวก Playstation มาจากประเทศใด ? ข้องสังเกตอีกประการนึงคือ ประเทศที่ใช้สัญญาณภาพ NTSC จะใช้กระแสไฟฟ้าในบ้านเพียง 110V/60Hz ( ถ้าเอาเลข 60 มาหาร 2 เท่ากับ 30 ใช่ไหม )

ในบ้านเราเองนั้นยุคแรก ๆ สมัยช่อง 4 บางขุนพรหม แม้แต่ช่อง ททบ.7 ก็เคยใช้ระบบสัญญาณภาพ NTSC ออกอากาศในยุคแรก ๆ

อ้างอิง:
สรุป NTSC
- สัญญาณภาพ 525 line/60Hz
- จำนวนภาพ 30 ภาพ / วินาที
- ใช้ในประเทศที่ใช้ไฟ 110V/60Hz
ส่วนระบบ PAL หรือย่อมาจาก phase alternation line ได้พัฒนาโดย Walter Bruch ชาวเยอรมัน ในปี 1963 ที่ได้เอาขั้วหลอดภาพ NTSC มากลับแล้วทำอะไร ... ต่อ
และปรับปรุงใหม่ เนื่องจาก NTSC แสดงสีไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ( ลองสังเกตดู ) ลักษณะของระบบ PAL มีเส้นมากถึง 625 เส้น แต่จำนวนภาพมี 25 ภาพต่อวินาที ( ถ้าเป็นฟิลม์ภาพยนตร์ ใช้ 24 ภาพต่อวินาที ) ประเทศที่ใช้ระบบภาพนี้ก็มีอย่างที่แน่ ๆ ก็พี่ไทย มีอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน เอาง่าย ๆ ว่า ทางยุโรป ทั้งนั้นแหละ
อ้างอิง:
สรุป PAL
- สัญญาณภาพ 625 line/50Hz
- จำนวนภาพ 25 ภาพ / วินาที
- ใช้ในประเทศที่ใช้ไฟ 220V/50Hz

ถ้าหากว่าระบบโทรทัศน์ กับ เครื่องเล่นที่ต่อเข้าโทรทัศน์ ต้องเป็นระบบภาพเดียวกัน ถ้า PAL ก็ต้อง PAL กันทั้งคู่ หรือถ้าเป็น NTSC ก็ต้อง NTSC ทีนี้เนี่ย ถ้าเกิดว่าใครต่อเข้าไปแล้วเกิดภาพไว้ทุกข์ ( ขาว-ดำ ) ก็แนะว่าให้ปรับทีวี จะมีพวกโหมดภาพให้เลือกอย่าง PAL PAL60 NTSC SECAM เป็นต้น จะทำให้ท่านได้เล่นอย่างมีสีสัน



แล้ว NTSC กับ PAL อันไหนดักว่ากันหละ ก็ขอบอกว่า ถ้าเป็นเรื่องรายละเอียดจำนวนเส้นภาพ PAL ดีกว่าเพราะมี 625 เส้น ( ถ้าไม่รวมถึง SECAM ) แต่การบันทึกภาพนั้น ระบบ PAL จะใช้ม้วนเทปน้อยว่า NTSC ในเวลาที่เท่ากัน เพราะจำนวนภาพต่อวินาที PAL น้อยกว่า ใครใช้ NTSC บันทึกวีดีโอ ก็คงเปลืองกว่า PAL อีก แต่ทำไงได้ ถ้าหากท่านอยู่ญี่ปุ่น ก็ต้องทนจำเจกับระบบภาพ NTSC เพราะเรื่องกระแสไฟฟ้าใช้ไฟฟ้าปลอดภัยกว่า
ไหน ๆ ก็ไหน จะไม่พูดถึง SECAM เดี่ยวจะเคลียร์ไม่จบงาน ก็คือระบบนี้ย่อมาจาก Séquentiel couleur à mémoire ในปี 1956 ระบบนี้เหมือนเอาบางส่วนของ NTSC กับ PAL มารวมกัน ๆ แต่ไม่ค่อยนิยมเพราะ ใช้เส้นมากถึง 800 - 1000 เส้น ก็ตาม ใช้ไฟ 60Hz แต่ว่า ความถี่นั้น ใช้แถบความกว้างมาก จนมีช่องไม่กี่ช่อง ก็อาจจะไม่นิยมในบ้านเรา ก็มีฝรั่งเศส ประเทศแถบรัสเซีย หรือ ประเทศแถบผู้ก่อการร้าย และในแอฟริกา ยังใช้ระบบนี้

ก็เอามาลองอ่าน ๆ หละกันครับ

ตัวย่อ :
FCC ย่อมาจาก Federal Communications Commission

ปล.ถ้าใครอยากลอง NTSC นั้นลองหาตาม TV ต่างประเทศเอา

ลอกเขามาอีกทีครับ

อัตราส่วนภาพ 16:9 หรือ 4:3

ณ วันนี้ผู้เชี่ยวชาญมักจะบอกเราว่าระบบโฮมเธียเตอร์ควรจะเป็นโปรเจคเตอร์ที่ฉายภาพด้วยอัตราส่วน 16:9 จอภาพก็ควรจะป็น 16:9 ด้วย คำพูดนี้อาจถูกต้องสำหรับผู้คนส่วนใหญ่และเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าความนิยมในทีวีแบบ 4:3ที่มีมาแต่ดั้งเดิมกำลังจะถูกแทนที่ด้วยทีวีรุ่นใหม่ที่มีขนาด 16:9 แต่นั่นอาจจะไม่เหมาะสมสำหรับคุณก็ได้ มีโปรเจคเตอร์ 4:3 ในท้องตลาดอยู่จำนวนหนึ่งที่มีความสามารถเหนือกว่าโปรเจคเตอร์ 16:9 แล้วคุณควรจะเลือกโปรเจคเตอร์แบบไหนดี แบบใดละที่เหมาะกับคุณมากที่สุด 4:3 หรือ 16:9 ? คำตอบต้องขึ้นอยู่กับคุณต้องการที่จะจัดการกับการรับชมโฮมเธียเตอร์ของคุณในแบบไหนมากกว่า ดังนั้นก่อนที่จะซื้อเครื่องโปรเจคเตอร์คุณต้องคิดก่อนว่าคุณจะทำยังไงกับอัตราส่วนของภาพจากภาพยนตร์หรือวีดีโอดีวีดีของคุณ

ถ้าคุณยังใหม่กับเรื่องอัตราส่วนภาพเมื่อเราพูดถึง 4:3 หรือ 16:9 นั่นหมายถึงเรากำลังพูดถึงรูปทรงของขนาดภาพที่เราเห็นจากภาพยนตร์หรือวีดีโอดีวีดี หรือที่เรียกว่า “ Aspect Ratio “ เครื่องรับโทรทัศตามบ้านที่เราใช้กันอยู่มีอัตราส่วนภาพ (Aspect Ratio) 4:3 นั่นหมายความว่าภาพที่เราเห้นจะมีขนาดกว้าง 4 ส่วนและสูง 3 ส่วน เช่นกันในทีวีรุ่นใหม่ HDTV เป็น 16:9 คือมีอัตราส่วนกว้าง 16 ส่วนและสูง 9 ส่วน ดังนั้นเราจึงเห็น HDTV มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าในแนวนอน ความยาวในแนวนอนของ HDTV จะมากกว่าทีวีแบบธรรมดาที่เราใช้กันอยู่

ปัญหาก็คือไม่ว่าจะเป็นทีวีหรือโปรเจคเตอร์ล้วนแล้วแต่มาพร้อมกับอัตราส่วนภาพเฉพาะที่ไม่เป็น 4:3 ก็จะเป็น 16:9 อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ภาพยนตร์หรือวีดีโอดีวีดีที่มีจำหน่ายในท้องตลาดก็จะทำมาด้วยอัตราส่วน (Aspect Ratio)หลายๆขนาดต่างกัน รายการโทรทัศน์หรือภาพยนตร์วีดีโอที่ถูกผลิตด้วยอัตราส่วน 4:3 ซึ่งบางทีจะบอกเป็น “ 1.33 “ (4 หารด้วย 3 = 1.33) และรายการต่างๆหรือภาพยนตร์ที่ผลิตมาสำหรับ HDTV จะเป็นอัตราส่วน 16:9 บางทีก็จะบอกเป็น “ 1.78 “ (16 หารด้วย 9 = 1.78) อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่มีเพียงแค่สองระบบนี้เท่านั้นแต่ยังมีระบบอัตราส่วนภาพต่างๆที่ถูกผลิตขึ้นมาอีกมากมาย ภาพยนตร์ มิวสิกวีดีโอ สิ่งอื่นๆที่บรรจุอยู่ในแผ่นดีวีดีล้วนมาพร้อมกับอัตราส่วนต่างๆกันทั้งสิ้นเช่น 1.33 , 1.78 , 1.85 , 2.00 , 2.35 , 2.4 , 2.5 และอีกมาก ดังนั้นจึงยังไม่มีมาตราฐานที่แน่นอนสำหรับอัตราส่วนของภาพวีดีโอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นคือไม่ว่าคุณจะใช้โปรเจคเตอร์แบบไหน 4:3 หรือ 16:9 ก็ไม่มีทางที่เครื่องโปรเจคเตอร์ของคุณจะสามารถแสดงภาพให้เหมาะสมกับขนาดอัตราส่วนภาพที่มากับวีดีโอในรูปแบบต่างๆได้เลย ยังไงคุณก็ต้องรับชมภาพในแบบ Native อยู่ดี ดังนั้นถ้าไม่มีวิธีที่สมบูรณ์แบบแล้ววิธีไหนละที่จะเป็นวิธีที่ดีและถูกต้องที่สุดสำหรับการติดตั้งระบบการชมภาพของคุณ ? คำตอบง่ายๆคือ ไม่ว่าโปรเจคเตอร์หรือภาพที่จอจะเป็นขนาดไหน มีสองวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการกับระบบการชมภาพในโฮมเธียเตอร์ของคุณ คุณสามารถได้ภาพแบบ 4:3 จากโปรเจคเตอร์แบบ 4:3 หรือ เลือกใช้โปรเจคเตอร์แบบ 16:9 เพื่อให้ได้ภาพ 16:9 ทั้งสองแบบต่างก็มีข้อดีและข้อเสียซึ่งคุณต้องชั่งน้ำหนักดูว่าจะใช้แบบไหน ไม่มีแบบไหนดีกว่ามันเป็นแค่ความแตกต่างเท่านั้น

ถ้า HDTV หรือ widescreen DVD คือการชมภาพในแบบที่คุณชอบดูแล้วสบายตาก็ไม่ต้องไปคิดมากว่าภาพในแบบ 4:3 จะออกมาเป็นยังไง ใช้ความชอบของคุณเป็นเครื่องตัดสินง่ายที่สุด 16:9 โปรเจคเตอร์ฉายภาพบนจอ 16:9 ดีที่สุดแล้วสำหรับชมภาพแบบ widescreen รายการโทรทัศน์ใหม่ๆสำหรับ HDTV ในบางประเทศก็มีการผลิตมาในแบบ 16:9 เพื่อให้พอดีกับจอโทรทัศน์แบบ 16:9 ซึ่งก็ให้ภาพออกมาดี ข้อดีก็คือคุณจะได้รับชมรายละเอียดทั้งหมดของภาพรวมทั้งอัธรสของการแสดงในแบบ widescreen ซึ่งเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตามควรคิดไว้เสมอว่าเมื่อภาพยนตร์ต่างๆถูกนำมาทำเป็นดีวีดีก็จะมีเรื่องของขนาดภาพเข้ามาเกี่ยวข้องให้ปวดหัวแน่นอน มีภาพยนตร์หลายๆเรื่องที่มีขนาดกว้างกว่า 16:9 แบบปรกติเช่น The lord of the Rings , American Beauty , Star wars/Phantom Menace , Seabiscuit ทั้งหมดมาพร้อมกับอัตราส่วน 2.35:1 ไม่ใช่ 1.78:1 ดังนั้นเมื่อรับชมภาพยนตร์เหล่านี้ด้วยจอ 16:9 คุณจะได้ขอบดำที่ด้านบนและด้านล่างของจอภาพเพิ่มขึ้นมา ขอบดำที่เกิดขึ้นจะมีขนาดประมาณ 12 เปอร์เซนต์ของความสูงของภาพ ขอบดำแม้จะไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับการใช้จอภาพขนาด 4:3 แต่มันก็จะอยู่ที่นั่นตลอดการรับชมของเรา

การ ที่จะทำให้ขอบส่วนเกินนี้ไม่เป็นที่รำคาญต่อสายตาได้นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับ ว่าเครื่องโปรเจคเตอร์สามารถฉายภาพได้มืดระดับไหนและก็ขึ้นอยู่กับว่าจอภาพ ชนิดที่คุณใช้ด้วย จอภาพสีขาวทั่วๆไปจะทำให้เห็นขอบส่วนเกินค่อนข้างชัดเจน จอภาพชนิด High Contrast Gray จะ ทำให้ขอบส่วนเกินแลดูมืดลงด้วยจอภาพชนิดนี้และโปรเจคเตอร์ที่มีค่าคอนทรา สสูงๆจะทำให้ขอบส่วนเกินนี้ไม่เป็นที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนนักตามที่มันควรจะ เป็น

อย่างไรก็ตามถ้าคุณเป็นคนที่พิถีพิถันต้องการอะไรที่สมบูรณ์แบบและเรื่องเงินก็ไม่เป็นปัญญาสำหรับคุณ คุณคงต้องสั่งอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคพิเศษเพื่อทำให้จอแคบลงตามแนวนอนเมื่อต้องการฉายภาพยนตร์ที่มีขนาดกว้างกว่า 16:9 ปรกติ มัน เป็นอุปกรณ์เสริมที่สั่งซื้อได้พร้อมกับจอรับภาพที่มีลักษณะเป็นแผ่นสีดำ ซึ่งสามารถเปิดหรือปิดขอบด้านบนและด้านล่างของจอภาพเพื่อเปลี่ยนขนาดของ พื้นที่การมองภาพบนจอภาพได้ อุปกรณ์นี้ใช้เพื่อสร้างกรอบสีดำรอบๆภาพสามารถปรับขนาดได้ไม่ว่าภาพยนตร์ที่คุณรับชมจะมีอัตราส่วนแบบใด แต่ด้วยจอรับภาพรุ่นใหม่และโปรเจคเตอร์ที่มีค่าคอนทราสสูงขอบดำส่วนเกินจะมืดมากขึ้นและไม่ค่อยเป็นที่สังเกตุมากนัก

การฉายภาพ 4:3 ด้วยระบบที่เป็นแบบ 16:9

A:ภาพที่ได้จากการฉายโดยไม่มีการปรับแต่งใดๆจะมีขอบดำที่ด้านข้างของภาพทั้งสองด้าน

-------------------------

B:การฉายภาพโดยใช้ฟังชันปรับขนาดที่มีมาพร้อมกับเครื่องโปรเจคเตอร์จะทำการยืดขนาดภาพ 4:3 ออกไปตามแนวนอนเพื่อให้พอดีกับพื้นที่การมองภาพแบบ 16:9 ในการปรับภาพลักษณะนี้ภาพของคนจะแลดูเตี้ยลงและอ้วนผิดปรกติ จริงอยู่ที่มันทำให้มีพื้นที่การมองภาพในแบบ 16:9 แต่ก็ทำให้รูปร่างของวัตถุผิดเพี้ยนไปซึ่งหลายๆคนก็รับไม่ได้เหมือนกัน

----------------------------

C:การใช้การซูมภาพ 4:3 แทน ที่จะใช้การยืดขนาดคือการใช้วิธีง่ายๆโดยการตัดส่วนที่อยู่ด้านบนกับด้าน ล่างของภาพออกและแสดงภาพเฉพาะบริเวณตรงกลางของภาพที่มีขนาดพอดีกับอัตราส่วน 16:9 ภาพที่ได้จะมีขนาดใหญ่กว่าปรกติเหมือนกับเวลาเรามองดูใกล้ๆจอภาพ

----------------------------

D:โปรเจคเตอร์ 16:9 รุ่นใหม่ๆจะมาพร้อมด้วยการแก้ปัญหาในเรื่องอัตราส่วนของภาพเมื่อใช้ชมภาพที่เป็น 4:3 ซึ่งจะทำให้ภาพมีขนาด 16:9 โดยมีความผิดเพี้ยนของภาพน้อยที่สุด กระบวน การนี้จะยังคงสภาพอัตราส่วนดั้งเดิมบริเวณตรงกลางของภาพเอาไว้และทำการยืด ขยายส่วนที่อยู่ด้านข้างออกเพื่อให้ได้พื้นที่การมองภาพขนาดพอดีกับจอ 16:9 บาง ทีวิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วในการที่จะได้มาซึ่งภาพที่เต็มเฟรม และยังใช้ในการแก้ปัญหาของการกระจายสัญญาณโทรทัศน์หรือการส่งสัญญาณทีวีใน ส่วนขอบของภาพที่ไม่ค่อยบรรจุส่วนสำคัญของเนื้อหาไว้มากเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามการตัดส่วนขอบของภาพออกยังต้องทำอย่างรอบคอบเป็นพิเศษ ในการชมภาพหรือภาพยนตร์เก่าๆในแบบ 16:9 ที่มีขอบดำด้านข้างและยังเป็นวิธีเดียวที่จะรับชมภาพให้ได้ในแบบที่ผู้กำกับภาพยนตร์ต้องการให้เราเห็น

------------------------------

โปรเจคเตอร์ 16:9 เหมาะสมกับระบบ HDTV และ widescreen DVD แต่มันก็มีขอบดำที่ด้านบนและด้านล่างเพิ่มขึ้นมาเมื่อรับชมภาพยนตร์ที่มีความกว้างมากกว่า 16:9 อยู่ดี ทั้งยังต้องการกระบวนการพิเศษในการปรับแต่งอีกเมื่อต้องการใช้กับระบบภาพแบบ 4:3 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและหลงไหลในระบบโฮมเธียเตอร์ ผลที่ได้จากการชมภาพยนตร์ด้วยระบบ 16:9 นั้นช่างน่าตื่นเต้นและประทับใจมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการรับชมภาพด้วยระบบที่เป็น 4:3 ในทางกลับกันถ้าคุณเป็นกังวนกับข้อเสียที่ได้จากระบบ 16:9 เมื่อใช้ชมภาพแบบ 4:3 หรือไม่ต้องการที่จะต้องมาปรับแต่งระบบดังที่กล่าวมาด้านบนแล้วละก็ คุณก็ควรที่จะเลือกใช้โปรเจคเตอร์แบบ 4:3

ที่มา : http://acs8369.blogspot.com/2007/02/169-43.html

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

e-ink อีอิงค์ โซล่า เซล พลังงาน แสงอาทิตย์

[เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] รายงานข่าวเทคโนโลยีวันนี้ Neoluxiim บริษัทจากแดนกิมจิได้พัฒนาจอแสดงผลอีอิงค์ต้นแบบที่สามารถทำงานด้วยพลังงาน แสงอาทิตย์ออกมาแล้ว เหมาะกับการใช้ทำป้ายโฆษณาณ.จุดขาย ซึ่งช่วยให้ป้ายอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคตเป็นมิตรกับธรรมชาติมากขึ้น และช่วยลดปัญหาโลกร้อน


Neoluxiim กล่าวว่า จอแสดงผลอีอิงค์พลังแสงอาทิตย์ (จากแผงโซล่าเซล) นี้จะสามารถทำงานได้ แม้จะมีแค่แสงสว่างภายในห้องเท่านั้น โดยจะทำงานได้นานต่อเนื่องถึง 18 เดือน สำหรับขนาดใหญ่สูงสุดของจอแสดงผลอีอิงค์พลังงานแสงอาทิตย์จะอยู่ที่ 26x12 เซ็นติเมตร และมีความหนาเพียง 7.5 ม.ม. เท่านั้น เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีสีเขียวที่น่าสนใจมากทีเดียว

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

DTAC ออก Aircard เตรียมเข้าสู่สมรภูมิ 3G

หลายๆ คนก็คงทราบดีแล้วว่าในที่สุดประเทศไทยก็ใกล้ที่จะมีการแข่งขันการให้บริการ 3G จริงๆ แล้ว วันนี้ DTAC ได้ออก Aircard สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายด้านข้อมูลที่สนับสนุน 3G แล้วครับ โดย Aircard รุ่น E1553 นี้มีคุณสมบัติคือ

  • เชื่อมต่อแบบ USB และเสียบ MicroSD เป็น Flash Drive ได้ ลักษณะคล้ายกับ Aircard ที่ปล่อยให้ทดสอบ 3G กัน
  • สนับสนุน GPRS, EDGE รวมถึง 3G 850/2100 MHz ที่จะเปิดให้บริการในอนาคต
  • มาพร้อมซิมที่สนับสนุน EDGE/GPRS แต่ยังไม่สามารถใช้ 3G ได้ (ติดที่ซิม ถ้าใครมีซิม 3G ของ DTAC ก็ใช้ได้)
  • แบบรายเดือน ราคา 2,700 บาท พร้อมอินเทอร์เน็ต 100 ชั่วโมงนาน 1 เดือน, แบบเติมเงิน ราคา 2,600 บาท พร้อมอินเทอร์เน็ต 10 ชั่วโมงนาน 3 เดือน
  • ไม่ล็อกซิม จะเอามาเสียบซิมทรูเล่น 3G ก็น่าจะได้
  • ประกัน 1 ปี เปลี่ยนคืนได้ใน 30 วัน
  • โปรแกรมเชื่อมต่อต้องการวินโดวส์ (ไม่แน่ใจว่าสาวกเพนกวินกับแอปเปิลจะใช้ได้หรือไม่)

ดูจากราคาแล้วค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เมื่อเทียบกับ Aircard USB ที่ขายอยู่ให้เกลื่อน (ราคา 3,000-4,000 บาท) หาซื้อได้ที่สำนักงานบริการลูกค้าและ dtac center ครับ

ที่มา: DTAC Aircard, กระทู้ใน pantip.com

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

หินดวงจันทร์จากนาซ่าเป็นของปลอม!!!

นาซ่านั้นแจกหินดวงจันทร์ที่อ้างว่าเก็บมาจากดวงจันทร์ไปให้กว่า 100 ประเทศในช่วงปี 1970 เพื่อแสดงความเป็นมหาอำนาจด้านอวกาศยาน แต่แล้ววันนี้อาจจะเป็นวันหน้าแตกอีกวันหนึ่งของนาซ่าเมื่อพิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum แห่งเนเธอร์แลนด์ได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่ระบุว่าหินที่นาซ่าแจกมานั้นเป็นของ ปลอม

หินก้อนดังกล่าวเป็นหินที่ทูตสหรัฐฯ มอบให้กับนายกรัฐมนตรีของเนเธอร์แลนด์ชื่อว่า Willem Drees Jr ในปี 1969 และเมื่อนายกรัฐมนตรีท่านนี้ได้เสียชีวิตลงก็ได้บริจาคหินก้อนนี้ให้กับทาง พิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum นี้

ต่อมามีข้อสงสัยว่าทำไมสหรัฐฯ จึงให้ก้อนหินสำคัญเช่นนี้มาง่ายนัก จึงมีการตรวจสอบโดยนักวิจัยและพบว่าก้อนหินนี้เป็นเพียงไม้ที่กลายเป็นหิน เท่านั้น และมีมูลค่าเพียงไม่กี่พันบาท

สถานทูตสหรัฐฯ ระบุว่ากำลังสอบสวนเรื่องนี้อยู่

ที่มา - PhysOrg

Custom Search